วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2550

สื่อมวลชนกับการศึกษา

สื่อมวลชนกับการศึกษา
การสื่อสารมวลชน การที่ข่าวสารจะส่งจากแหล่งส่งไปยังผู้รับได้นั้นสามารถกระทำได้ด้วยกระบวนการของ “สื่อสาร” เมื่อนำกระบวนการนี้มาใช้กับสื่อมวลชนจึงเรียกว่า “สื่อสารมวลชน” ซึ่งเป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มชนหรือผู้รับจำนวนมาก โดยที่ผู้ส่งอาจจะเป็นบุคคลเดียวหรือกลุ่มคนที่รวมกันเป็นองค์กรหรือสถาบัน

บทบาทหน้าที่ของสื่อมวลชน สำคัญ 5 ประการ ดังนี้
1. ให้ข่าวสารและรายงานความเคลื่อนไหวของเหตุการณ์ต่างๆ
2. เป็นแหล่งกลางในการเสนอความคิดเห็นหรือข้อโต้แย้งต่อปัญหาที่เกิดในสังคม
3. ให้สาระบันเทิงแก่ประชาชน
4. ให้ความรู้ทางการศึกษาและบำรุงศิลปวัฒนธรรมของชาติ
5. ให้บริการด้านธุรกิจการค้า

สื่อมวลชนที่มีอิทธิพลต่อสังคมมากที่สุดในปัจจุบันคือ
เป็นสื่อที่มีความทันสมัยและทันต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ หรือนิตยสาร ข่าวสารที่นำเสนอผ่านสื่อประเภทที่แตกต่างกันนี้ย่อมมีอิทธิพลต่อผู้รับสารสื่อต่างๆ

สื่อมวลชนเปรียบเหมือนดาบสองคม
ดาบสองคม มีทั้งคุณและโทษ อาจดีอาจเสียก็ได้ เปรียบเหมือนสื่อมวลชน เพราะสื่อมวลชนก็มีทั่งคุณและโทษเช่นเดียวกันถ้าบุลคลใดที่นำไปใช้ประโยชน์ก็จะได้ประโยชน์มากส่วนบุลคลที่นำไปให้ในทางที่ไม่มีแล้วก็จะเกิดผลเสียแก่ตัวเองและสังคมในทางลบ

มีความคิดเห็นกับการจัดเรตติ้งทางทีวี
การจัดเรตติ้งทีวีก็เป็นสิ่งที่ดีที่จะให้ทีวีแต่ละช่องมีการพัฒนาการรายต่างๆ ให้มีความทันสมัยและผู้ชมสามารถจะเลือกชมได้หลากหลาย ตรงตามความต้องการของผู้ชม

SMS มีผลดีผลเสียกับสังคมคือ
SMS หมายถึง การส่งข้อความ หรือ การส่งรูปภาพ
ผลดีต่อสังคม
สามารถที่จะส่งไปให้ผู้รับได้กว้างไกล และเป็นการบริการที่ทันสมัยและรวดเร็วเสียค่าใช้จ่ายน้อย
ผลเสียต่อสังคม
อาจจะมีการส่งไปเมื่อการทำลายให้คนอื่นเสียหาย หาคนส่งยาก

การนำสื่อมวลชนมาใช้ในการศึกษา จะเกิดประโยชน์กับการศึกษา หรือการเรียนการสอน
- เครื่องมือในการสอน ผู้สอนสามารถนำรายการวิทยุ โทรทัศน์ มาผนวกกับการสอน และเป็นสื่อที่ให้เนื้อหาความรู้เกี่ยวกับบทเรียนนั้นโดยตรง
- สื่อสอนแทนครู ในกรณีที่มีการขาดแคลนครู ก็อาจใช้วิทยุหรือโทรทัศน์เพื่ออกอากาศการสอนได้ - เพื่อเสริมความรู้ เป็นการใช้รายการวิทยุ โทรทัศน์ ข่าวสารบทความเสริมให้ผู้เรียนได้รับความรู้ - สื่อในการศึกษาระบบเปิด โดยใช้วิทยุหรือโทรทัศน์เป็นสื่อเพื่อดำเนินการสอนส่งไปยังผู้เรียนที่อยู่ตามบ้าน
- แหล่งการเรียนรู้ เป็นการรวบรวมวัสดุที่บันทึกเรื่องราวสำคัญต่างๆ ไว้เพื่อการศึกษาค้นคว้า โดยอาจเก็บไว้ในห้องสมุด

แนวทางในการนำสื่อมวลชนมาใช้กับการศึกษา
สื่อมวลชนจำแนกออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อระบบไฟฟ้า สื่อสองประเภทนี้สามารถนำมาใช้ในการศึกษาทั้งในระบบและนอกโรงเรียนได้ทั้งสิ้น สื่อแต่ละประเภทที่นำมาใช้ในการศึกษา ได้แก่. สิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์และวีดิทัศน์ ภาพยนตร์ สื่อประสม
2 ลักษณะ คือ
1. เพื่อการสอนโดยตรง สื่อมวลชนที่ใช้สอนโดยตรงจะต้องมีเนื้อหาที่บรรจุอยู่ในสื่อตรงตามเนื้อหาบทเรียน2. เพื่อเพิ่มคุณค่าทางการสอน เป็นการนำสื่อมวลชนมาใช้ประกอบการสอนเพื่อเพิ่มความรู้แก่ผู้เรียนให้กว้างขวางยิ่งขึ้นกว่าที่เรียนจากสื่อที่ใช้ในการสอนโดยตรงในชั้นเรียน สื่อมวลชนที่นำมาใช้จะมีเนื้อหาเกี่ยวเนื่องกับบทเรียนตามหลักสูตร แต่จะขยายวงกว้างกว่าสื่อที่นำมาสอนโดยตรง

วันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2550

สื่อมวลชนกับการศึกษา

สื่อมวลชนกับการศึกษา
สื่อมวลชน หมายถึงอะไร
สื่อมวลชน หมายถึง สื่อประเภทต่างๆ เช่น วารสาร โปสเตอร์ หนังสือพิมพ์ เมื่อนำสื่อมวลชนมาศึกษาจึงเรียกว่า “สื่อมวลชนเพื่อการศึกษา” หมายถึง การนำสื่อมวลชนมาใช้เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดความรู้เนื้อหาบทเรียนไปยังผู้เรียนหรือผู้รับจำนวนมากได้ในเวลาเดียวกัน
การสื่อสารมวลชน การที่ข่าวสารจะส่งจากแหล่งส่งไปยังผู้รับได้นั้นสามารถกระทำได้ด้วยกระบวนการของ “สื่อสาร” เมื่อนำกระบวนการนี้มาใช้กับสื่อมวลชนจึงเรียกว่า “สื่อสารมวลชน” ซึ่งเป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มชนหรือผู้รับจำนวนมาก โดยที่ผู้ส่งอาจจะเป็นบุคคลเดียวหรือกลุ่มคนที่รวมกันเป็นองค์กรหรือสถาบัน

สื่อมวลชนมีบทบาทหน้าที่อะไรบ้าง
บทบาทหน้าที่ของสื่อมวลชนสื่อมวลชนมีหน้าที่สำคัญ 5 ประการ ดังนี้
1. ให้ข่าวสารและรายงานความเคลื่อนไหวของเหตุการณ์ต่างๆ
2. เป็นแหล่งกลางในการเสนอความคิดเห็นหรือข้อโต้แย้งต่อปัญหาที่เกิดในสังคม
3. ให้สาระบันเทิงแก่ประชาชน
4. ให้ความรู้ทางการศึกษาและบำรุงศิลปวัฒนธรรมของชาติ
5. ให้บริการด้านธุรกิจการค้า

หน้าที่สำคัญดังกล่าวเป็นหน้าที่โดยทั่วไปของสื่อมวลชน แต้สื่อมวลชนจะมีบทบาทและหน้าที่นอกเหนือกว่านั้นในประเทศที่กำลังพัฒนา ดังนี้
1.การเสนอข่าว การทำให้ประชาชนมีความตื่นตัวมากขึ้น การยกระดับความต้องการของประชาชนเพื่อเป้าหมายของการพัฒนา และการสร้างบรรยากาศ
2.การมีบทบาทในกระบวนการตัดสินใจของสังคม สื่อมวลชนจะมีบทบาทในทางอ้อมโดยการให้ข้อมูลข่าวสารต่างๆแก่ประชาชน
3.การสอน สื่อมวลชนสามารถช่วยในการศึกษาและฝึกอบรมทุกประเภท สามารถช่วยสนับสนุนระบบการศึกษา

สื่อมวลชนที่มีอิทธิพลต่อสังคมมากที่สุดในปัจจุบันคือ เพราะอะไร?
เพราะในสังคมไทยที่กำลังผันแปรด้านเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม ข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมีจำนวนมาก และมีความสำคัญต่อคนไทย สื่อมวลชนซึ่งเป็นเสมือนกระจกสะท้อนสภาพสังคม สามารถทำหน้าที่ชี้แนะด้วยการคัดเลือก ข่าวเพื่อเสนอต่อผู้รับสาร ตามลักษณะการนำเสนอของสื่อมวลชนแต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็นวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ หรือนิตยสาร ข่าวสารที่นำเสนอผ่านสื่อประเภทที่แตกต่างกันนี้ย่อมมีอิทธิพลต่อผู้รับสารในการกระตุ้นความสนใจในเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมในระดับต่างกัน ความแตกต่างในระดับใดนั้น ไม่เพียงเกี่ยวข้องกับธรรมชาติของสื่อชนิดนั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับปัจจัยในเรื่องคุณภาพข่าวสาร

มีความคิดเห็นอย่างไร? กับคำกล่าวที่ว่าสื่อมวลชนเปรียบเหมือนดาบสองคม
ดาบสองคม มีทั้งคุณและโทษ อาจดีอาจเสียก็ได้ เปรียบเหมือนสื่อมวลชน เพราะสื่อมวลชนก็มีทั่งคุณและโทษเช่นเดียวกันถ้าบุลคลใดที่นำไปใช้ประโยชน์ก็จะได้ประโยชน์มากส่วนบุลคลที่นำไปให้ในทางที่ไม่มีแล้วก็จะเกิดผลเสียแก่ตัวเองและสังคมในทางลบ

มีความคิดเห็นกับการจัดเรตติ้งทางทีวีอย่างไร ?
การจัดเรตติ้งทีวีก็เป็นสิ่งที่ดีที่จะให้ทีวีแต่ละช่องมีการพัฒนาการรายต่างๆ ให้มีความทันสมัยและผู้ชมสามารถจะเลือกชมได้หลากหลาย ตรงตามความต้องการของผู้ชม

SMS มีผลดีผลเสียกับสังคมอย่างไร ?
SMS หมายถึง การส่งข้อความ หรือ การส่งรูปภาพ
ผลดีต่อสังคม
สามารถที่จะส่งไปให้ผู้รับได้กว้างไกล และเป็นการบริการที่ทันสมัยและรวดเร็วเสียค่าใช้จ่ายน้อย
ผลเสียต่อสังคม
อาจจะมีการส่งไปเมื่อการทำลายให้คนอื่นเสียหาย หาคนส่งยาก

การนำสื่อมวลชนมาใช้ในการศึกษา จะเกิดประโยชน์กับการศึกษา หรือการเรียนการสอนอย่างไรบ้าง ?
ใช้สื่อมวลชนเพื่อการศึกษา
1. เครื่องมือในการสอน ผู้สอนสามารถนำรายการวิทยุ โทรทัศน์ มาผนวกกับการสอน และเป็นสื่อที่ให้เนื้อหาความรู้เกี่ยวกับบทเรียนนั้นโดยตรง
2.เครื่องมือในการปฏิบัติการ โดยการใช้กล้องโทรทัศน์ช่วยในการจับภาพจากกล้องจุลทัศน์เพื่อฉายให้ผู้เรียนเห็นบนจอรับภาพ
3.สื่อสอนแทนครู ในกรณีที่มีการขาดแคลนครู ก็อาจใช้วิทยุหรือโทรทัศน์เพื่ออกอากาศการสอนได้
4.เพื่อเสริมความรู้ เป็นการใช้รายการวิทยุ โทรทัศน์ ข่าวสารบทความเสริมให้ผู้เรียนได้รับความรู้
5.อุปกรณ์การสอนจุลภาค/มหภาค โดยการบันทึกวีดิทัศน์การสอนหรือการปฏิบัติของผู้เรียนแต่ละคน
6.สื่อในการศึกษาระบบเปิด โดยใช้วิทยุหรือโทรทัศน์เป็นสื่อเพื่อดำเนินการสอนส่งไปยังผู้เรียนที่อยู่ตามบ้าน
7. อุปกรณ์ในการบันทึกเรื่องราวสำคัญ การแสดง การทดลอง การบรรยายโดยวิทยากร ที่ออกอากาศทางวิทยุ สามารถบันทึกลงวีดิทัศน์ เทปบันทึกเสียง และสิ่งพิมพ์ได้
8. แหล่งการเรียนรู้ เป็นการรวบรวมวัสดุที่บันทึกเรื่องราวสำคัญต่างๆ ไว้เพื่อการศึกษาค้นคว้า โดยอาจเก็บไว้ในห้องสมุด
9. ให้ผู้เรียนหรือผู้ฟัง/ผู้ชมร่วมในรายการ
10. เพิ่มความเป็นธรรมในสังคม โดยการให้ความเสมอภาคทางการศึกษาแก่ผู้ที่ต้องออกจากโรงเรียน ผู้เรียนกลุ่มพิเศษ โดยการใช้สื่อวิทยุ โทรทัศน์ วีดิทัศน์
11. เพื่อบริการสังคม เพื่อการเสนอข่าวสาร ความรู้ สาระบันเทิง ตลอดจนการศึกษาทั้งทางตรง และทางอ้อม

จะมีแนวทางในการนำสื่อมวลชนมาใช้กับการศึกษาอย่างไร?
แนวทางการนำสื่อมวลชนมาใช้การการศึกษาสื่อมวลชนจำแนกออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อระบบไฟฟ้า สื่อสองประเภทนี้สามารถนำมาใช้ในการศึกษาทั้งในระบบและนอกโรงเรียนได้ทั้งสิ้น สื่อแต่ละประเภทที่นำมาใช้ในการศึกษา ดังนี้
1. สิ่งพิมพ์
2. วิทยุ
3. โทรทัศน์และวีดิทัศน์
4. ภาพยนตร์
5. สื่อประสม
สามารถจำแนกการใช้ออกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ
1. เพื่อการสอนโดยตรง สื่อมวลชนที่ใช้สอนโดยตรงจะต้องมีเนื้อหาที่บรรจุอยู่ในสื่อตรงตามเนื้อหาบทเรียน
2. เพื่อเพิ่มคุณค่าทางการสอน เป็นการนำสื่อมวลชนมาใช้ประกอบการสอนเพื่อเพิ่มความรู้แก่ผู้เรียนให้กว้างขวางยิ่งขึ้นกว่าที่เรียนจากสื่อที่ใช้ในการสอนโดยตรงในชั้นเรียน สื่อมวลชนที่นำมาใช้จะมีเนื้อหาเกี่ยวเนื่องกับบทเรียนตามหลักสูตร แต่จะขยายวงกว้างกว่าสื่อที่นำมาสอนโดยตรง
สิ่งพิมพ์สิ่งพิมพ์ หมายถึง ข้อความ ข้อเขียน หรือภาพที่เกี่ยวกับแนวความคิด ข้อมูล สารคดี บันเทิง ซึ่งถ่ายทอดด้วยการพิมพ์ลงบนกระดาษ ฟิล์ม หรือวัสดุพื้นเรียบสิ่งพิมพ์เพื่อการศึกษา หมายถึง สิ่งพิมพ์ในรูแบบต่างๆที่จัดพิมพ์ขึ้นโดยบรรจุเนื้อหาสาระที่ดีมีประโยชน์และให้ความรู้ทั้งที่เป็นความรู้ ส่วนสิ่งพิมพ์เพื่อการสอน หมายถึง สิ่งพิมพ์ที่ให้ความรู้เฉพาะอย่างตามหลักสูตรการเรียน ซึ่งอาจเย็บรวมเล่มหรือเป็นแผ่น ทั้งที่ใช้พิมพ์หรือเขียนประเภทของสิ่งพิมพ์เพื่อการศึกษาสิ่งพิมพ์เพื่อการศึกษาแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ สิ่งพิมพ์ทั่วไป และสิ่งพิมพ์เพื่อการศึกษาโดยเฉพาะ ได้แก่สิ่งพิมพ์ทั่วไป
1. หนังสือพิมพ์ หนังสือพิมพ์สามารถให้ประโยชน์ด้านการศึกษาอย่างกว้างขวาง ดังนี้
- ช่วยฝึกทักษะในการอ่าน
- ให้ผู้อ่านได้ศึกษา วิเคราะห์ และวิจารณ์ข่าวสาร
- ให้ความรู้เบื้องต้น
- ให้ข้อมูลข่าวสารที่ทันต่อเหตุการณ์ประจำวัน
- เป็นเครื่องวัดระดับความรู้และความสนใจของชุมชน
- สามารถเก็บหนังสือพิมพ์เป็นหลักฐานในการค้นคว้า อ้างอิง
2. นิตยสาร วารสาร และจุลสาร เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ในรูปเล่มของหนังสือที่ออกเผยแพร่เป็นรายสัปดาห์ รายปักษ์ รายเดือน หรือแล้วแต่ระยะเวลาสิ่งพิมพ์เพื่อการศึกษา
1. หนังสือตำรา เป็นสื่อที่พิมพ์เป็นเล่ม ประกอบด้วยเนื้อหาตามหลักสูตรการเรียนการสอนโดยอธิบายเนื้อหาวิชาอย่างละเอียด อาจมีภาพถ่ายหรือภาพเขียนประกอบเพื่อเพิ่มความสนใจของผู้เรียน
2. แบบฝึกปฏิบัติ
3. พจนานุกรม
4. สารานุกรม
5. หนังสือภาพหรือภาพชุดต่างๆ
6. วิทยานิพนธ์และรายงานการวิจัย
7. สิ่งพิมพ์ย่อส่วน หนังสือเก่าหรือชำรุดหรือหนังสือพิมพ์ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากย่อมไม่สะดวกในการเก็บรักษา จึงอาศัยวิธีการเทคโนโลยีใยการทำสิ่งพิมพ์ย่อส่วน ได้แก่
- ไมโครฟิล์ม เป็นการถ่ายหนังสือแต่ละหน้าลงบนม้วนฟิล์ม
- ไมโครฟิช เป็นแผ่นฟิล์มแข็งขนาด 4 x6 นิ้ว สามารถบันทึกข้อความจากหน้าหนังสือโดยย่อเป็นกรอบเล็กๆ หลายๆ กรอบการใช้สิ่งพิมพ์เพื่อการศึกษาจำแนกได้ 3 วิธี คือ
1. ใช้เป็นแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับวิชาเรียน
2. ใช้เป็นวัสดุการเรียนร่วมกับสื่ออื่นๆ
3. ใช้เป็นสื่อเสริมในการเรียนรู้และเพิ่มพูนประสบการณ์
สื่อสิ่งพิมพ์ทั้ง 3 วิธี ผู้สอนสามารถนำสิ่งพิมพ์ทั้งที่เป็นสิ่งพิมพ์ทั่วไปหรือเพื่อการศึกษาโดยเฉพาะมาใช้ในการเรียนการสอน โดยพิจารณาตามลักษณะของสิ่งพิมพ์และลักษณะของการใช้ ดังนี้
1. สิ่งพิมพ์ที่เขียนขึ้นในลักษณะของหนังสือตำรา
2. สิ่งพิมพ์ที่เขียนขึ้นในลักษณะบทเรียนสำเร็จรูปเพื่อง่ายต่อการศึกษา
3. สิ่งพิมพ์เสริมการเรียนการสอน เช่น แบบปฏิบัติ
4. สิ่งพิมพ์ทั่วไปๆ ไป เช่น นิตยสาร หนังสือพิมพ์
5. สิ่งพิมพ์ประเภทภาพชุด
วิทยุ
วิทยุเป็นอุปกรณ์สื่อสารในการรับส่งข้อมูลทางด้านเสียงโดยใช้คลื่บแม่เหล็กไฟฟ้าโดยไม่ต้องใช้สาย การใช้วิทยุเพื่อการสื่อมวลชนเพื่อการศึกษาในประเทศไทยเริ่มมีขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2497 โดยใช้ในและนอกระบบโรงเรียน ถ้าเป็นการศึกษาในระบบโรงเรียนเรียกว่า “วิทยุโรงเรียน” ถ้านอกระบบโรงเรียนเรียกว่า “วิทยุไปรษณีย์” เราเรียกการใช้วิทยุในการศึกษารวมเรียกว่า “วิทยุศึกษา”การใช้วิทยุเพื่อการศึกษา
1.การสอนโดยตรง เป็นการใช้วิทยุเพื่อเป็นสื่อสอนโดยตรงในบางวิชาหรือบางตอนของบทเรียน รายการวิทยุที่ใช้สอนจึงเป็นการเสนอตามเนื้อหาบทเรียนในหลักสูตร การสอนโดยใช้วิทยุสามารถกระทำได้ดังนี้
- ใช้เป็นเครื่องมือในการสอน
- ใช้เป็นแหล่งการเรียนรู้
- ใช้เป็นสื่อหลักในการศึกษาตามหลักสูตร
- ใช้เป็นสื่อเสริมในการศึกษาระบบเปิด ด้วยการใช้รายการวิทยุเป็นสื่อเสริมประเภทในระบบ

การศึกษาทางไกล
- ใช้เป็นอุปกรณ์ในการฝึกอบรม
2.การเพิ่มพูนคุณค่าในการสอน เป็นการใช้รายการวิทยุเพื่อปรุงแต่งและเสริมคุณค่าของการสอนในบางวิชาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
โทรทัศน์การใช้โทรทัศน์การศึกษาและการสอน
1. การสอนโดยตรง เป็นการใช้โทรทัศน์เพื่อเสนอรายการที่จัดทำขึ้นตามเนื้อหาในหลักสูตรในรูปแบบของโทรทัศน์การสอน
- ใช้เป็นเครื่องมือในการสอน
- ใช้เป็นสื่อสอนแทนครู
- ใช้เป็นสื่อเพื่อเสริมความรู้
- ใช้เป็นสื่อในการศึกษาระบบเปิด
- เพื่อเพิ่มความเป็นธรรมในสังคม
2. การเพิ่มคุณค่าทางการสอน เป็นการนำรายการโทรทัศน์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับบทเรียนนั้นมาเสนอแก่ผู้เรียนเพื่อเพิ่มความรู้และประสบการณ์ และเป็นการช่วยเสริมสร้างบรรยากาศทางการเรียนให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
วีดิทัศน์แถบวีดิทัศน์เป็นวัสดุสำคัญที่สามารถใช้บันทึกภาพและเสียงไว้ได้พร้อมกันในแถบเทปในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และยังสามารถลบแล้วบันทึกใหม่ได้เช่นเดียวกับเทปบันทึกเสียง แถบวีดิทัศน์จะใช้กับเครื่องเล่นวีดิทัศน์ซึ่งต่อเข้ากับเครื่องรับโทรทัศน์เพื่อเล่นภาพและเสียงออกมา
ภาพยนตร์ภาพยนตร์ หมายถึง ภาพนิ่งเรียงติดต่อกันที่ถูกบันทึกลงบนม้วนฟิล์มด้วยกล้องถ่ายภาพยนตร์ เมื่อฉายฟิล์มไปที่จอภาพภาพยนตร์การศึกษา หมายถึง ภาพยนตร์ที่เป็นสื่อถ่ายทอดความรู้ ข้อมูล เรื่องราว แนวคิด เหตุการณ์ ให้ผู้ชมได้รับความรู้จากเรื่องราวที่เสนอ โดยไม่จำกัดกลุ่มผู้ชมการใช้ภาพยนตร์เพื่อการสอน การใช้ภาพยนตร์ในชั้นเรียน ผู้สอนต้องตั้งจุดประสงค์ว่าจะใช้ภาพยนตร์เพื่อการสอนโดยตรงหรือเพื่อประกอบการสอน เพราะภาพยนตร์เรื่องเดียวอาจใช้เนื้อหาเพื่อสนองตามจุดประสงค์ที่แตกต่าง ในการใช้ภาพยนตร์นั้นอาจจะใช้ทั้งเรื่องหรือเลือกเฉพาะตอนใดตอนหนึ่งมาใช้สอนก็ได้เพื่อความเหมาะสม ซึ่งผู้สอนควรยึดหลักการดังนี้
1.ก่อนนำมาฉายในชั้นเรียน ผู้สอนควรทราบถึงรายละเอียดและความสำคัญของเนื้อเรื่องนั้นก่อน
2.ควรมีการเตรียมพร้อมผู้เรียนเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการชมภาพยนตร์
3. ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมขณะฉายภาพยนตร์ซึ่งอาจทำได้โดย- หยุดฉายภาพยนตร์เพื่อให้ผู้เรียนซักถาม- หยุดฉายภาพยนตร์เพื่อทดลองฝึกทักษะ- สอดแทรกคำถามให้ผู้เรียน
4. ควรใช้ภาพยนตร์คู่กับสื่อๆ
5. ใช้ภาพยนตร์สี
6. ฉายภาพยนตร์บางตอนซ้ำ
7. มีกิจกรรมให้ผู้เรียนทำหลังชมภาพยนตร์
สื่อประสม
การใช้สื่อประเภทอื่นมาใช้ร่วมด้วยในลักษณะของ”สื่อประสม” มีการใช้ดังนี้ คือ
1. สื่อหลัก โดยใช้สื่อมวลชนในการสื่อสารระหว่างผู้สอน
2. สื่อเสริม
การศึกษาทางไกลการศึกษาทางไกลเป็นระบบการศึกษาที่ผู้เรียนและผู้สอนอยู่ไกลกันคนละสถานที่ แต่สามารถทำให้เกิดการเรียนรู้โดยอาศัยสื่อมวลชน 2 ประเภท คือ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และสื่อสิ่งพิมพ์การใช้สื่อมวลชนในการศึกษาทางไกล
1. สื่ออิเล็กทรอนิกส์ จำแนกเป็นสื่อประเภทเสียง และสื่อประเภทเสียงและภาพ
2. สื่อสิ่งพิมพ์ เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่จัดให้ผู้เรียนเรียนได้ด้วยตนเอง อยู่ในรูปแบบของชุดการเรียนสื่อสิ่งพิมพ์เป็นสื่อที่ให้ความสะดวกแก่ผู้เรียนและเอื้ออำนวยในการศึกษาทางไกล ดังนี้
- เป็นสื่อที่ผู้เรียนสามารถใช้เวลาศึกษาได้ตามความสามารถ
- สามารถทราบผลการศึกษาจากกิจกรรมและคำถามท้ายเรื่อง
- สามารถทราบผลความก้าวหน้าของการศึกษาจากอาจารย์
- สามารถตรวจสอบผลการปฏิบัติงานต่างๆ
- ผู้เรียนจะเกิดความเข้าใจในความสามารถของตน
3. สื่อบุคคล คือ อาจารย์ ผู้เรียน ในการสื่อสารกันของสื่อบุคคลสามารถกระทำได้ในลักษณะต่อไปนี้
- การติดต่อทางไปรษณีย์
- การติดต่อทางโทรศัพท์
- การจัดทบทวนในท้องถิ่นแต่ละแห่งโดยเชิญวิทยากร
- การเข้าศึกษากับอาจารย์สัญจร
- การรวมกลุ่มของผู้เรียนในแต่ละแห่งเพื่ออภิปรายเนื้อหา
- การติดต่อปรึกษาหารือกันระหว่างเรียน
cursor